ชีวิตในวงการเมือง ของ สมบุญ ระหงษ์

พลอากาศเอก สมบุญ ระหงษ์ เข้าสู่วงการเมือง โดยได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นวุฒิสมาชิก ใน วุฒิสภาไทย ชุดที่ 5 ชุดแต่งตั้งแทน เมื่อ 22 เมษายน 2532 และเมื่อมีการรัฐประหารขึ้นในปี 2534 ก็ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี 2534ต่อมาเมื่อใกล้มีการเลือกตั้ง ในเดือนมีนาคม 2535 ก็ได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้ง พรรคสามัคคีธรรม ร่วมกับ นาวาอากาศตรี ฐิติ นาครทรรพ และ พลอากาศเอก เกษตร โรจนนิล รวมไปถึงนักการเมืองบางส่วน ก่อนที่ทาง พรรคชาติไทย จะเชิญให้พลอากาศเอก สมบุญ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค แทนที่ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อประสานความสัมพันธ์ระหว่างพรรค กับ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ โดยที่ความสัมพันธ์ทางการเมืองนั้น พลอากาศเอก สมบุญ ถือว่าเป็นนายทหารคนสนิทของ พลตำรวจเอก ประมาณ อดิเรกสาร ครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือว่ามีความสนิทสนมกับนักการเมือง กลุ่มราชครู[2] และเป็นศิษย์โรงเรียนการบินรุ่น น.25 รุ่นเดียวกับ พลอากาศเอก เกษตร โรจนนิล พลอากาศเอก วรนาถ อภิจารี พลอากาศเอก กันต์ พิมานทิพย์

โดย พลอากาศเอก สมบุญ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 2 สมัย คือ

  1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 จังหวัดสมุทรปราการ สังกัดพรรคชาติไทย
  2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 จังหวัดสมุทรปราการ สังกัดพรรคประชากรไทย

และได้ดำรงตำแหน่งเป็น รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ใน รัฐบาลพลเอก สุจินดา คราประยูร[3] ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง ในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา และ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ใน รัฐบาลชวน หลีกภัย สมัยที่สอง

โดยภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ประกาศลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ในเวลานั้น พลอากาศเอก สมบุญ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น หัวหน้าพรรคชาติไทย มีโอกาสที่จะได้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ต่อจาก พล.อ.สุจินดา เหตุเพราะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรเป็นลำดับที่สอง แต่ทว่า อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในขณะนั้น ได้นำชื่อ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีรักษาการระหว่างการปฏิวัติ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกลายเป็นที่เล่าขาน กันมาถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า พลอากาศเอก สมบุญ "แต่งชุดขาวรอเก้อ"

กลุ่มงูเห่า

อีก 5 ปีต่อมาหลังจากนั้น พลอากาศเอก สมบุญ ได้สร้างปรากฏการณ์ให้เป็นที่จดจำอีกครั้งในปี พ.ศ. 2540 หลังการลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ และสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พลอากาศเอก สมบุญ ได้ร่วมกับ วัฒนา อัศวเหม นำ ส.ส.พรรคประชากรไทย 12 คน ฝืนมติพรรคที่จะสนับสนุน พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไปสนับสนุนให้ ชวน หลีกภัย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยต่อมาแกนนำกลุ่ม ได้รับตำแหน่งระดับรัฐมนตรี 2 ตำแหน่งใน รัฐบาลชวน หลีกภัย สมัยที่สอง แม้ว่าการกระทำดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยว่าไม่ถึงขั้นขับออกจากความเป็นสมาชิกภาพของพรรค เนื่องด้วย ส.ส. แต่ละคนมีอิสระในการตัดสินใจ โดยไม่ขึ้นกับมติพรรค แต่กระนั้นก็ตาม สมัคร สุนทรเวช ในฐานะหัวหน้าพรรคประชากรไทย ก็ได้ให้สัมภาษณ์เปรียบเปรยว่าเป็น "ชาวนากับงูเห่า" ตามนิทานอีสป จนเป็นที่มาของชื่อ กลุ่มงูเห่า

และในปี 2541 ก็ได้ร่วมมือกับ วัฒนา อัศวเหม ก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นในชื่อของ พรรคราษฎร โดยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค และลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อของพรรค ลำดับที่ 2 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง[4] จากนั้นจึงยุติบทบาททางการเมืองเป็นการถาวร